สารภาพก่อนเลยว่า ผมกับ “อัลปาก้า” เนี่ย ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนในชีวิต ชนิดที่ว่าชื่อก็แทบจะไม่เคยได้ยิน

ก่อนมามีพี่ที่รู้จักเกริ่นเล็กน้อยว่า ไอ้เจ้าอัลปาก้าเนี่ย ราคามันตัวละ 3 -4 แสน เชียว แถมพฤติกรรมที่ควรรู้ไว้เวลาไปเข้าชมมันก็คือ ระวังมันจะถุยใส่ รวมทั้งถีบ

อัลปาก้า

 

เรียกได้ว่ามาแบบแพคคู่

บ่ายในฤดูร้อนที่แสงแดดแผดเผาไปทุกอณู ใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ผมบ่ายหน้ามาที่  AlpacaHill บน ถ.ผาปก-ตะโกล่าง ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี สถานที่ที่จะพาทุกท่านและผมเองไปสัมผัสกับเจ้าสัตว์ที่มีชื่อว่า “อัลปาก้า

อัลปาก้า

 

กล่าวกันถึงที่มาของ AlpacaHill คงต้องกรอกม้วนฟิล์มย้อนไปเมื่อปี 2553 พันตรีหม่อมราชวงศ์พีรานุพงศ์ ภาณุพันธุ์ ได้พบความประทับใจกับสัตว์เหล่านี้ระหว่างพักร้อนในประเทศเปรู ท่านได้ตั้งใจว่าจะนำเจ้าอัลปาก้ากลับมาเพื่อให้ชาวไทยได้ชื่นชม และหลังจากศึกษาและค้นคว้าเป็นเวลาหลายปี ท่านจึงสามารถพาอัลปาก้าฝูงแรกจำนวน 36 ตัวมาสู่ประเทศไทยได้เมื่อต้นปี 2555 จากประเทศออสเตรเลีย ก่อนต่อมาจะสร้าง AlpacaHill เป็นฟาร์มเพาะพันธุ์อัลปาก้าแห่งแรกและแห่งเดียวของไทย ในพื้นที่กว่า 250 ไร่ ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ด้วยพื้นที่กว้างขวาง และบรรยากาศเหมือนที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ มีทีมงานมืออาชีพและสัตวแพทย์คอยช่วยดูแลให้มีอัลปาก้าที่ดีที่สุดและมีให้เลือกมากที่สุดในประเทศไทย พร้อมทั้งเปิดให้ผู้ชมทั่วไปเข้าชมฝูงอัลปาก้าได้สัปดาห์ละสามวัน

อัลปาก้า

 

และนอกเหนือไปจากการได้สัมผัสกับอัลปาก้าแล้ว ที่นี้ยังมีสัตว์หายากอื่นๆ ให้ได้ชมกันอักด้วย ไม่ว่าจะเป็น วอลลาบี้(จิงโจ้จิ๋ว), กระต่ายยักษ์ , กระต่ายขนปุกปุย, เต่ายักษ์ , เฟอเรท , แพรี่ด็อก , มาม็อต , นกฮูกหิมะ เป็นต้น เรียกได้ว่าไม่ใช่มีแต่อัลปาก้าให้ชม สัตว์พันธุ์อื่นๆ ก็มีให้ดูแก้เลี่ยน ซึ่งเปรียบไปแล้วให้เห็นภาพชัดๆ AlpacaHill คือสวนสัตว์แห่งหนึ่ง ที่มีอัลปาก้าเป็นตัวชูโรง และสัตว์ยากพันธุ์อื่นๆ เป็นพระรอง

อัลปาก้า

 

ก่อนเข้าไปชมและสัมผัสกับอัลปาก้าตัวเป็นๆ แบบดิ้นได้ ทาง AlpacaHill ได้แนะนำการปฏิบัติตัวคร่าวๆ กับผู้เข้าชมอย่างผมว่าต้องทำตัวอย่างไร ในการเข้าชมอัลปาก้า ก็ไล่ไปตั้งแต่รูปพรรณสัณฐานคร่าวๆ นิสัยใจคอ การให้อาหาร เพื่อให้การเข้าชมเป็นอย่

อัลปาก้า

นอกจากการปฏิบัติตัวคร่าวๆ ที่ทาง AlpacaHill ได้แนะนำมาแล้ว เพื่อเป็นการดูแลสัตว์เลี้ยง และลดความเครียดอันเนื่องมาจากการเข้าชม การสัมผัส และป้อนอาหารน้องๆ ในฟาร์มอย่างใกล้ชิดแนบสนิท ทางฟาร์มจะจัดกลุ่มเข้าชม กลุ่มละประมาณ 30 คนครับ โดยในการเข้าชมอย่างใกล้ชิดในแต่ละโซน จะกำหนดจำนวนผู้เข้าชมไว้ที่ 200 ท่านต่อวันเท่านั้น และเพื่อให้ทุกคนได้สามารถสัมผัสถึงความเป็นส่วนตัวกับบรรดาสัตว์เลี้ยงได้อย่างใกล้ชิด การเข้าเยี่ยมชมฟาร์ม จึงจำเป็นต้องจองผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น ซึ่งในการจองผ่านระบบออนไลน์ จะไม่มีการชำระค่าใช้จ่ายผ่านทางระบบใดๆทั้งสิ้น แต่การชำระเงินจะชำระได้ที่หน้าเค้าเตอร์ฟาร์มเท่านั้น ( รับเฉพาะเงินเท่านั้น ) ฉะนั้นก่อนมาต้องผ่านระบบออนไลน์ของทางเว็บก่อน (รายละเอียดเดี๋ยวมาบอกอีกทีตอนสุดท้าย)

อัลปาก้า

 

ได้ตั๋วเสร็จ ทราบข้อปฏิบัติพร้อม ก็มุ่งหน้ามาชมเจ้าอัลปาก้าได้ ก่อนเข้าต้องใส่ถุงเท้าพลาสติกคลุมที่ทางฟาร์มแจกให้ เพื่ออนามัยที่ถูกสุขลักษณะ ที่เหลือจากนั้น ก็เดินตัวปลิวเข้าโซนอัลปาก้าได้เลย

อัลปาก้า

 

กล่าวถึงเจ้าตัวอัลปาก้า พวกมันเป็นสัตว์ในตระกูลอูฐ ซึ่งครอบคลุมถึงอูฐหนอกเดียว อูฐสองหนอก ลา สัตว์จำพวกเคี้ยวเอื้อง และกัวนาโค กินอาหารโดยใช้วิธีเคี้ยวเอื้องคล้ายวัว แต่มีสามกระเพาะ แทนที่จะมีสี่กระเพาะเหมือนสัตว์เคี้ยวเอื้องทั่วไป เป็นสัตว์กินหญ้าตามทุ่งหญ้า และหญ้าแห้ง 

 

อัลปาก้า เป็นสัตว์ที่มีเท้าอ่อนนุ่ม ไม่มีฟันด้านบน ส่วนสูงโดยเฉลี่ยคือ 125 เซนติเมตร และหนักระหว่าง 60 ถึง 80 กิโลกรัม ระยะเวลาตั้งครรภ์ของอัลปาก้าอยู่ที่ 11 ถึง 12 เดือน และให้กำเนิดลูกทีละตัว (ฝาแฝดจะพบได้ยากมาก) ลูกอัลปาก้าหรือที่เรียกว่า cria จะมีน้ำหนัก 7 ถึง 10 กิโลกรัม ส่วนช่วงชีวิตของมันจะอยู่ระหว่าง 15 ถึง 20 ปี เพราะฉะนั้น คุณสามารถเลี้ยงอัลปาก้าได้เป็นระยะเวลานาน แถมยังสามารถให้ขนได้ตลอดชีวิต 

ตั้งแต่ครั้งอดีต เทือกเขาแอนเดสในอเมริกาใต้นั้น จัดเป็นบ้านของอัลปาก้า ที่ชาวอินคานิยมนำขนของพวกมันมาใช้งาน เรียกกันว่า "เส้นใยจากพระเจ้า" 

ในศตวรรษที่ 17 ผู้บุกรุกชาวสเปนเข่นฆ่าชาวอินคาและอัลปาก้าจำนวนมาก ทำให้ตัวที่เหลืออยู่รอดหลบหนีไปอยู่ในภูเขาสูงที่เรียกกันว่า อัลติพลาโน เนื่องจากความสูงและภูมิประเทศ ทำให้ตัวที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้นที่อยู่รอด และพวกมันได้กลายมาเป็นบรรพบุรุษของสายพันธุ์ที่ดีที่สุด ซึ่งมีความทนทาน และให้เส้นใยที่มีความหนาแน่นและมีคุณภาพสูง

อัลปาก้า

 

อัลปาก้ามีสองชนิด ได้แก่ suri และ huacaya ซึ่ง suri จะให้เส้นใยที่ยาว และนุ่มเหมือนเส้นไหม มีลักษณะเหมือนเส้นดินสอ ส่วน huacaya ให้เส้นใยที่สั้น หนาแน่น เหมือนขนแกะ ให้ความรู้สึกเหมือนผ้าขนสัตว์

อัลปาก้า

 

ทั้งนี้ เส้นใยจากอัลปาก้ามี 22 สี ตามที่อุตสาหกรรมสิ่งทอในอเมริการับรอง และยังมีสีผสมอีกมากมาย อัลปาก้าสามารถตัดขนได้ปีละครั้ง ซึ่งจะได้ขนที่นุ่มและอบอุ่นครั้งละ 2 ถึง 4 กิโลกรัม ซึ่งมักจะกลายเป็นเครื่องประดับที่หรูหราที่สุดในโลก 

อัลปาก้า

หลังจากสัมผัสกับอัลปาก้าไป โดยไม่โดนถุย และโดนถีบ ผมก็บ่ายหน้ามาชมสัตว์อย่างอื่นกันบ้าง เพื่อเป็นการแก้เลี่ยน อีกทั้งยังจะได้ดูด้วยว่า AlpacaHill เขามีอะไรดีให้ได้ชมด้วย

อัลปาก้า

 

เริ่มที่ Guinea Pig หรือที่เรียกว่า แกสบี้ เป็นหนูในตระกูลเดียวกับหนูตะเภา แต่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มานับร้อยๆปี ในต่างประเทศ (ในประเทศไทยไม่มีการพัฒนาสายพันธุ์หนูตะเภา) ทำให้แกสบี้มีความสวยงามแตกต่างไปจากหนูตะเภาโดยสิ้นเชิง 

อัลปาก้า

 

สำหรับชื่อเรียกของแกสบี้ คือ Guinea Pig ในต่างประเทศก็มักมีชื่อเรียกในแต่ละประเทศ โดยในประเทศไทยชื่อที่เป็นที่ยอมรับคือ “แกสบี้” ไม่ว่าวงการสัตว์เลี้ยง สัตวแพทย์ สื่อสารมวลชน ถ้าบอกว่าแกสบี้ก็จะเป็นที่เข้าใจตรงกัน สำหรับประเทศต่างๆ มีชื่อเรียกดังนี้ ประเทศญี่ปุ่น เรียกว่า “Moru-Motto” ประเทศสวีเดน เรียกว่า “Marsvin” ประเทศฟิลิปปินส์ เรียกว่า “Costa” เป็นต้น เช่นเดียวกับชื่อว่า “แกสบี้” ในประเทศไทยก็จัดว่าเป็น “Local Name” ที่เข้าใจตรงกันทุกวงการ สำหรับในปี 2010 แกสบี้ในประเทศไทยยังคงเดินหน้าเป็นสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กที่ยังหาคู่แข่งได้ยากมาก และนับวันจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ในอังกฤษและอเมริกามีการจัดตั้งชมรมผู้รักแกสบี้มากมาย มีการประกวดแข่งขันกันทุกสัปดาห์ ทำให้เกิดธุรกิจต่อเนื่อง เช่น อาหาร อุปกรณ์การเลี้ยง หนังสือ และของที่ระลึกเกี่ยวกับสัตว์ตัวนี้มากมาย

อัลปาก้า

จาก Guinea Pig มาที่ Prairie dog เป็นสกุลของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสกุลหนึ่ง ในวงศ์กระรอก (Sciuridae) มีลักษณะโดยทั่วไป คือ ใบหูเล็ก ดวงตากลมโต ฟันแข็งแรง ขาคู่หน้าจะมีเล็บที่แหลมคมและแข็งแรง มีหน้าที่ขุดคุ้ยดินเพื่อหาอาหารและขุดโพรงอยู่อาศัย ออกหาอาหารในเวลากลางวันซึ่งกินได้ทั้งพืชและสัตว์ จำพวกหญ้า ผัก เมล็ดพืชต่าง ๆ รวมถึง แมลงและหนอน มีสีขนสีน้ำตาลทอง ปลายหางมีสีดำ ส่วนของหางมีความยาว 3-4 นิ้ว เท้ามีสีครีม ลำตัวอ้วนกลม เมื่อโตเต็มที่มีน้ำหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม 

อัลปาก้า

 

และแม้ Prairie dog จะเป็นสัตว์ฟันแทะวงศ์เดียวกับกระรอก แต่จะไม่อาศัยและหากินบนต้นไม้เหมือนกระรอกทั่วไป แต่จะหากินและทำรังด้วยการขุดโพรงอยู่ตามพื้นดินทุ่งราบและพื้นที่ที่เป็นดินโล่ง 

อัลปาก้า

จากที่ยกตัวอย่างสัตว์หายากหน้าตาน่ารักๆ มาอ้างให้ได้รู้จักกัน นี่เป็นแค่บางส่วนของ AlpacaHill นะครับ ซึ่งพื้นที่ส่วนที่เหลือนั้น ก็ยังมีให้ชมกันอีกเยอะ

สำหรับผู้ที่สนใจจะสัมผัสกับกับฝูงอัลปาก้า และสัตว์อื่นๆอีกหลายชนิดภายในฟาร์มอย่างใกล้ชิด  สามารถติดต่อขอเข้าชมฟาร์มได้โดยจองผ่านระบบออนไลน์ www.alpacahill.com ราคาเริ่มต้นบัตร 290 บาท เป็นบัตรเข้าชมแบบ VIP ทุกประเภท ก่อนกลับบ้านสามารถปริ้นรูปเป็นของที่ระลึกจากทางฟาร์ม และรับของรางวัลพิเศษจากทางฟาร์มได้ ข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ โทรศัพท์ 080-821-2108. 081-145-9565