ถึงเหล่าบรรดานักท่องเที่ยว “Slow Life” ทั้งหลาย หากท่านกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่เงียบสงบ สัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านแบบดั้งเดิม เราขอนำเสนอการมาเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวแพลุ่ม “แม่น้ำสะแกกรัง” กันครับ แล้วท่านจะได้ชิคๆ และชิลๆ กันแบบสำราญใจ

ชาวแพที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง

30 กม. ก่อนถึงตัวเมือง จ.นครสวรรค์ ที่แยกท่าน้ำอ้อย ต.ท่าน้ำอ้อย อ.พยุหะคีรี จะมีทางแยกเล็กๆ ที่นำไปสู่เมืองอุทัยธานี เมืองที่จะพาทุกคนไปสัมผัสชีวิตช้าๆ ที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง

ชาวแพที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง


แม่น้ำสะแกกรัง จัดเป็นลำน้ำสำคัญที่ไหลผ่านตัวจังหวัดอุทัยธานี  มีเรื่องเล่าในสมัยก่อนว่าเมื่อพ่อค้าล่องเรือผ่านมาจะรู้ได้ว่าถึงบ้านสะแกกรังแล้ว ด้วยต้นสะแกจะออกดอกเล็ก ๆ ช่อยาวสีเขียวอมเหลือง ที่ห้อยลงมาริมน้ำ โดยเฉพาะในเดือนยี่ถึงเดือนสามจะสังเกตได้ชัดเจน 

ชาวแพที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง

ชาวแพที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง


ชุมชนชาวแพแม่น้ำสะแกกรัง ในจังหวัดอุทัยธานี นับเป็นอีกหนึ่งวิถีชีวิตที่หาได้ยากมาก จุดเด่นที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว คือเรือนแพที่มีชาวแพอาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคน โดยในสมัยก่อนจะมีอยู่ ทั้งหมดกว่า 300 หลัง ทุกเรือนแพมีบ้านเลขที่และทะเบียนบ้านรับรองการอยู่อาศัย เป็นการถือกรรมสิทธิ์ที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ปัจจุบันยังเหลือชาวแพที่อาศัยอยู่ในสายน้ำแห่งชีวิตสายนี้กว่า 200 หลัง โดยทางการไม่อนุญาต ให้มีการออกทะเบียนบ้านให้แพที่สร้างใหม่อีกแล้ว

ชาวแพที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง


กิจกรรมที่น่าสนใจในการมาเที่ยว  คือการล่องเรือสัมผัสแม่น้ำสะแกกรัง ชมภาพชีวิตของชาวแพ โดยเริ่มที่จุดลงเรือบริเวณเกาะเทโพล่องไปตามสายน้ำจนถึงจุดพบกันของ แม่น้ำสะแกกรังและแม่น้ำเจ้าพระยา (ตามรอยเสด็จประพาสต้น) ซึ่งล้วนผ่านบ้านเรือนของบุคคลสำคัญ  และสถานที่สำคัญของเมืองอุทัย โดยตลอดลำน้ำ เราจะได้เห็นการปลูกพืชผักลอยน้ำ โดยเฉพาะเตยแพ และพุทธรักษาที่ชาวบ้านปลูกไว้อย่างมากมาย รวมไปถึงการเลี้ยงปลาในกระชังที่ทำกันทุกแพ และที่ถือว่าเป็นความโดดเด่นของแม่น้ำสายนี้ ได้แก่ ปลาแรดที่มีรสชาติดีกว่าแหล่งอื่นๆ เป็นปลาสัญลักษณ์ของชาวอุทัยธานี ที่ร้านอาหารแถวนี้แทบจะมีเมนูให้เลือกลองชิมกันทุกร้าน

ชาวแพที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง


ทั้งนี้ ในระหว่างที่ล่องเรือนอกจากชีวิตชาวแพริมน้ำแล้ว ก็ยังมีอะไรอื่นๆ ที่เรียกร้องความสนใจให้เงยหน้ามองดู อย่างด้านตะวันออกเราจะเห็นเกาะเทโพ มีทุ่งนา สวนผัก สวนผลไม้ และป่าไผ่ตามธรรมชาติ ด้านตะวันตกมีอาคาร บ้านเรือนอยู่หนาแน่น เป็นตลาดขนาดใหญ่ โดยทั้ง 2 ฟากฝั่งถูกกั้นกลางด้วยแม่น้ำสะแกกรัง

ชาวแพที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง


อนึ่ง ใครไม่อยากนั่งเรือ ก็สามารถเดินชมวิถีชีวิตชาวแพด้วยตัวเองได้ และไอ้ที่เป็นสีสันของริมน้ำแห่งนี้อีกอย่างคือ บ้านเรือนที่ทาสีสันฉูดฉาด  บาดตา ประหนึ่งงานแฟนซีที่น่าหยุดเหลียวมองเพื่อพินิจเป็นอย่างยิ่ง

ชาวแพที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง

มาเตร็ดเต่แถวลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง  อุทัยธานี ใช่ว่าจะมีแต่เรื่อง “Slow Life” แถวริมน้ำกันนะครับ อื่นๆ ที่น่าสนก็มีกันเยอะ

อย่างตลาดเช้าของอุทัยธานี ที่จัดได้ว่าเป็นแหล่งจำหน่ายปลาสดที่น่าสนใจยิ่งนัก มีปลาหลากหลายชนิดให้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ ไหนจะของกินที่นอกจากจะมีเมนูปลาแรดเป็นตัวชูโรง ยังมี “ขนมปังสังขยา” ที่ปักชื่อว่าต้นตำรับหลายเจ้า เรื่องรสชาตินั่นไม่หนีกันนัก เลือกหาซื้อเอาได้ตามความพึงพอใจ

ชาวแพที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง


หลังตลาดเช้าริมแม่น้ำสะแกกรัง มีฉากหลังสวยงามเป็นวัดโบสถ์ เป็นวัดเก่าแก่อยู่ริมลำน้ำสะแกกรัง ในเขตเทศบาลเมือง มีสิ่งที่น่าสนใจในวัด  เป็นจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์และวิหาร เป็นภาพเขียนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในโบสถ์เป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติเริ่มตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพานฝีมือประณีตมาก ส่วนในวิหารเขียนเป็น ภาพพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดเทพยดาบนสวรรค์และภาพปลงสังขาร ด้านบนฝาผนังเป็นพระสงฆ์สาวก ชุมนุมสลับ กับพัดยศเหมือนจะไหว้พระประธานในวิหาร ฝาผนังด้านนอกหน้าวิหารมีภาพถวายพระเพลิงศพ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและภาพชีวิตชาวบ้านที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา เข้าใจว่าเป็นฝีมือชั้นหลัง

ชาวแพที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง

นอกจากนี้ ภายในวัดอุโบสถาราม ยังมีสิ่งของที่น่าชมอีกมาก เช่น เสมาหินสีแดงหน้าโบสถ์ ตู้พระธรรมและ ตู้ใส่ ของเขียนลายกนกเถาลายดอกไม้บาตรฝาประดับมุกที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 เป็นฝีมือช่างสิบหมู่ และหงส์ยอดเสา เป็นต้น และยังมีอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่น่าชมหลายหลัง ได้แก่ มณฑปแปดเหลี่ยม เป็นอาคารแปดเหลี่ยม สองชั้น มีบันไดวนอยู่ด้านนอกอาคาร ซุ้มหน้าต่างเป็นวงโค้งแบบอาคารในยุคอาณานิคม  ที่มีลักษณะผสมแบบตะวันตก มีลายปูนปั้นคล้ายไม้เลื้อยที่กรอบหน้าต่าง และมีพระพุทธรูปปูนสลักนูนสูง อยู่ที่ด้านนอกของอาคาร เจดีย์หกเหลี่ยม ย่อมุมไม้สิบสองทรงรัตนโกสินทร์ หอประชุมอุทัยพุทธสภา ซึ่งเป็น หอสวดมนต์ เป็นศาลาทรงไทย หน้าบันประดับลวดลายปูนปั้น และแพโบสถ์น้ำซึ่งใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนา เช่น งานบวช งานศพ เป็นต้น

ขอส่งท้ายกันด้วย นักดูนก ท่านสามารถดูนกได้ตลอดลำน้ำ ซึ่งมนกที่หากินริมน้ำชนิดต่างๆ ด้วยกันเยอะแยะให้ส่อง ทั้งนกกระเต็น นกยาง อีลุ้ม นกอีโก้ง เหยี่ยวขาวไหล่เทา และอีกมากมายให้ได้สุขใจ ส่วน ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล่องแม่น้ำสะแกกรังแนะนำให้เป็นช่วงเช้าตรู่จะเห็นภาพชีวิตต่างๆ ได้อย่างชัดเจนใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณ 1-2 ชม. จากนั้นจะไปเตร้ดเตร่แถวตลาดเช้าหาของกิน ไปเที่ยววัดโบสถ์ต่อ ก็ล้วนแล้วแต่สะดวกกันครับ

แล้วทริปหน้ามาเจอะกันใหม่